วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

ซอฟต์แวร์ส่องโจร แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

"..ซอฟต์แวร์ส่องโจร แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ.."



วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2556 เวลา 00:00 น.


ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมมีมากขึ้นเรื่อยๆเราใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยงในทุกๆที่ไม่เว้นแม้แต่ในบ้านของตัวเอง

พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตำรวจมักแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เดิมเมื่อเกิดเหตุประชาชนมาแจ้งความกับตำรวจ ตำรวจมีหน้าที่เยียวยาเท่านั้น แต่การเยียวยาก็ไม่ได้ 100% คือ เรียกสิ่งที่เสียหายกลับมาไม่ได้

ดังนั้น จึงต้องกำหนดวิธีป้องกันเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นโดยตำรวจจะต้องไปถึงที่เกิดเหตุก่อนที่จะมีเหตุ การณ์เลวร้ายเกิดขึ้นจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกล้องทีวีวงจรปิดโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยเข้าไปเสริม

พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่าได้หารือกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)โปรแกรมเมอร์และบริษัทเอกชนที่มีความรู้ในการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เสริมการทำงานของกล้องวงจรปิดไม่ให้เป็นเพียงแค่กล้องธรรมดาที่จะใช้งานเมื่อต้องการหาหลักฐานเพื่อเอาผิดคนร้ายในภายหลัง

ด้วยความคิดของตนบวกกับนักพัฒนาจึงได้ตั้งระบบศูนย์สั่งการและรับแจ้งเหตุติดตามเหตุด้วยระบบกล้องทีวีวงจรปิดเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันอาชญากรรมที่ต้นเหตุได้ดี

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างติดตั้งกล้องทั้ง 88 สน.ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะสามารถติดตั้งแล้วเสร็จในปีนี้ ก่อนติดตั้งที่ สน.ทั่วประเทศในเฟสต่อไป โดยจะเริ่มติดตั้งให้กับประชาชนทั่วไปในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนแล้วกว่า 1,000 ราย โดยตั้งเป้า 3 ปี จะสามารถติดตั้งครบ 1 ล้านกล้องในกรุงเทพฯ

สำหรับหน้าที่หลักของซอฟต์แวร์ คือ เมื่อมีอาชญากรรมเข้ามาในบ้าน ร้านทอง หรือธนาคารที่มีการติดตั้งกล้อง ซอฟต์แวร์จะทำงานทันที ทั้งจับใบหน้าและบันทึกเสียง เมื่อมีการทุบกระจกระบบซอฟต์แวร์จะส่งสัญญาณมายังตำรวจที่คอยมอนิเตอร์และแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบทันทีผ่านสมาร์ทโฟนทั้ง ไอโฟน ไอโอเอส และแอนดรอยด์

นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ยังมีระบบบันทึกลักษณะใบหน้าเจ้าของบ้านโดยหากมีคนแปลกหน้าเข้ามาระบบจะแจ้งเตือนไปยังตำรวจและเจ้าของบ้านเช่นกัน โดยขณะนี้ได้มีการจดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ดังกล่าวแล้ว

พล.ต.ต.อดุลย์ เล่าว่า มีแนวคิดที่จะติดตั้งระบบดังกล่าวไว้ในรถแท็กซี่มิเตอร์และรถเมล์ประจำทาง เพื่อความปลอดภัยทั้งเจ้าของรถและผู้โดยสาร เพราะปัจจุบันยังมีข่าวการปล้น ที่มาทั้งเจ้าของรถและผู้โดยสาร การก่อเหตุ ฟัน แทงของนักศึกษา โดยหากติดตั้งระบบดังกล่าวจะทำให้ตำรวจสามารถเข้าระงับเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ หากตำรวจ สน.ไหนไปถึงที่เกิดเหตุไม่ทันเวลาภายในพื้นที่กำหนดจะมีมาตรการลงโทษ และยังมีแผนจะนำมาเปิดให้บริการในรถของประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ บช.น.อยู่ระหว่างทำทีโออาร์โครงการสถานีตำรวจนครบาลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนให้สามารถจ่ายค่าปรับผ่านเคาน์เตอร์ เซอร์วิสและบัตรเครดิตได้ เสมือนการซื้อตั๋วเครื่องบิน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ โดยจะจุรายละเอียดหลัก ๆ 10 เรื่องด้วยกัน

เมื่อก่อนเมื่อมีเรื่องแจ้งความต้องเดินทางไปโรงพัก แต่หากระบบดังกล่าวสมบูรณ์จะทำให้การแจ้งความสามารถแจ้งความผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ช่วยให้เจ้าหน้า ที่ไม่ต้องพิมพ์คำให้การซ้ำ ถือว่าช่วยประหยัดเวลาและง่ายต่อการทำงาน ซึ่งนอกจากประชาชนไม่ต้องเดินทางมา สน.แก้ปัญหาการหาที่จอดรถแล้วยังแก้ปัญหาการจราจรบนท้องถนนด้วย 


ถือเป็นเรื่องดีที่เราจะแก้ปัญหาก่อนที่จะเกิดเหตุ หวังว่าโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะการเสียชีวิต ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม.



Music Video

"...เพลง Take Care นะ..."
ศิลปิน จี-เจอาร์
อัลบั้ม 10 Club 



เหตุผลที่ชอบเพลงนี้ เพราะ

เพลงนี้มีเนื้อหาเพลงที่ดี เพลงเพราะและสื่อความหมายถึงเพื่อน
เป็นเพลงที่แสดงถึงมิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อน เพื่อที่คอยช่วยเหลือเรา
คอยเทคแคร์ดูแลเรา และาผ่านทุกข์ ผ่านสุข มาด้วยกัน
ในช่วงเวลาหนึ่งกับเรา เมื่อถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันไป 
เพราะว่า...แต่ละคนก็มีความฝันของตนเองที่จะเลือกเดินที่แตกต่างกันไป
เมื่อเราต้องแยกจากเพื่อนไปก็ทำให้คิดถึง จึงทำให้ชอบเพลงนี้เพราะเพลงมีดนตรีที่ไพเราะมีเนื้อหาเพลงที่ดีและ






วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กฎของ Moore’s Law

กฎของ Moore’s Law



          กฎของมัวร์  คือ   กฏที่อธิบายแนวโน้มของการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ในระยะยาวโดยมีความว่า จํานวนทรานซิสเตอร์ที่สามารถบรรจุลงในชิพจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆสองปี ซึ่งกฎนี้ได้ถูกต้องชื่อตาม  กฎของมัวร์ (Moore's law) อธิบายถึง ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวม โดยจะเพิ่มเป็นเท่าตัวประมาณทุก ๆ สองปี กฎนี้ได้ถูกพิสูจน์อย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่าครึ่งศตวรรษ และคาดว่าจะใช้ได้จนถึงปี 2015 หรือ 2020 หรืออาจมากกว่านั้น

มื่อ 40 ปีที่แล้ว มีการคิดค้น "กฎของมัวร์ (Moore 's law)" ขึ้น โดย เจ้าของทฤษฎีคืือ กอร์ดอน มัวร์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอินเทล ได้ใช้หลักการสังเกตตั้งกฎของมัวร์ ( Moore 's law) ขึ้น
เขา
ที่ทำนายว่า ทุก 
ปี หรือ 24เดือน จำนวนทรานซิสเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น หลังจากที่มีการค้นพบวงจรรวม(ไอซี) เพียงแค่ ปี

     กอร์ดอน มัวร์ ได้ใช้หลักการสังเกตตั้ง กฎของมัวร์ (Moore’s law) 
ขึ้น ซึ่งเขาบันทึกไว้ว่า ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวม จะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุกสองปี และมีผู้นำกฎนี้มาใช้กับ กำลัง
eCommerce (หรือ ความจุ หรือ ความเร็ว) ของสิ่งต่อไปนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าทุกๆ 18 เดือน ดังนี้   
1. ความเร็ว Computer Processor2. แบนด์วิธการสื่อสารและโทรคมนาคม
3. 
หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์
4. 
ความจุฮาร์ดดิสก์
           

  สรุป  :   ความสามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เป็นไปตามกฎของมัวร์(Moore’s law) อย่างเห็นได้ชัด เช่น ความเร็วประมวลผล ความจุของแรม เซ็นเซอร์ หรือแม้แต่จำนวนพิกเซลของกล้องดิจิทัล ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสนับสนุนอย่างคร่าว ๆ (ยังมีกฎอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นราคาต่อหน่วย) การพัฒนาของ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชื่อของกฎถูกตั้งตามชื่อของ อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอินเทล กอร์ดอน มัวร์ (Gordon E. Moore) เขาได้อธิบายกฎนี้ไว้ในรายงานของเขาเมื่อปี 1965 รายงานนั้นได้ระบุไว้ว่า จำนวนของส่วนประกรอบในวงจรรวมจะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี 1958 ไปจนถึง 1965 และคาดว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีก "อย่างน้อยสิบปี" การทำนายของเขายังเป็นไปตามที่คาดไว้อย่างน่าประหลาดใจ อย่างน้อยกฎนี้ปัจจุบันยังถูกใช้ในอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำที่ได้ถูกใช้เป็นแนวทางของแผนที่จะเป็นเป้าหมายของของการวิจัย และพัฒนา





วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รหัสแทนข้อมูล

รหัส ASCII
 (American Standard Code for Information Interchange)

         การกำหนดรหัสแทนข้อมูลขึ้นอยู่กับชนิดของข้อมูลและคอมพิวเตอร์ รหัสที่ใช้แทนตัวอักขระที่เป็นมาตรฐานแบบหนึ่ง เรียกว่า รหัสแอสกี (American Standard Code for Information Interchange : ASCII) รหัสแอสกีเป็นรหัสที่กำหนดขึ้นโดย หน่วยงานกำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาใช้กันแพร่หลายกับระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไปและระบบสื่อสารข้อมูล รหัสอักขระแต่ละตัวประกอบด้วย 8 บิต  คือ
บิตที่76543210
ตัวเลขฐานสอง  8 บิตหรือ  1 ไบต์ สามารถใช้แทนรหัสต่างๆ ได้ถึง 256 ตัว แต่รหัสตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งหมดมีจำนวนรวมกันไม่เกิน  128 ตัว
ดังนั้นสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุสาหกรรมจึงได้กำหนดภาษาไทยเพิ่มเติมเพื่อใช้ในงานสารสนเทศเป็นภาษาไทยได้ เช่น
10100001  = 1 ไบต์ (byte)ใช้แทนตัวอักษร  ก
10100010  = 1 ไบต์ (byte)ใช้แทนตัวอักษร  ข
10100100  = 1 ไบต์ (byte)ใช้แทนตัวอักษร  ค
ตัวอย่าง คำว่า "แดง" เขียนแทนได้ด้วย
11100001 10110100 10100111


ตารางแสดงรหัส แอสกี (ASCII Code)

รหัสแอสกี
ASCII code
b70000000011111111
b60000111100001111
b50011001100110011
b40101010101010101
b3b2b1b0
00000@P?p
0001!1AQaq.ั
0010"2BRbr
0011?3CScs.ำ
0100$4DTdt.ิ
0101%5EUeu.ี
0110&6FVfv.ึ
0111'7GWgw.ื.็
1000(8HXhxํ่`ุ.่
1001)9IYiyู`ู.้
1010*:JZjz.๊
1011+;K[k?.๋
1100,<Ll:.์
1101-=M]m.ํ
1110.>Nn
1111/?O_o฿


ที่มา :
 http://www.chakkham.ac.th/technology/number/assc.html


รหัส UniCode

           ยูนิโค๊ด คือ รหัสคอมพิวเตอร์ใช้แทนตัวอักขระ สามารถใช้แทน ตัวอักษร,ตัวเลข,สัญลักษณ์ต่างๆ ได้มากกว่ารหัสแบบเก่าอย่าง  ASCII ซึ่งเก็บตัวอักษรได้สูงสุดเพียง 256 ตัว(รูปแบบ) โดย Unicdoe รุ่นปัจจุบันสามารถเก็บตัวอักษรได้ถึง 34,168 ตัวจากภาษาทั้งหมดทั่วโลก 24 ภาษา โดยไม่สนใจว่าเป็นแพลตฟอร์มใด ไม่ขึ้นกับโปรแกรมใด หรือภาษาใด unicode ได้ถูกนำไปใช้โดยผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น Apple, HP, IBM, Microsoft, Unix ฯลฯ และเป็นแนวทางอย่างเป็นทางการในการทำ ISO /IEC 10646 ดังนั้น Unicodeจึงถือเป็นมาตรฐานในการกำหนดรหัส สำหรับทุกตัวอักษร ทุกอักขระ unicodeทำให้ข้อมูลสามารถเคลื่อนย้ายไปมาในหลายๆ ระบบ ข้ามแพลตฟอร์มไปมา หรือข้ามโปรแกรมได้อย่างสะดวก โดยไร้ข้อจำกัด

Unicode ต่างจาก ASCII 

         คือ ASCII เก็บ byte เดียว แต่ Unicode เก็บ 2 byte ซึ่งข้อมูล 2 byte เก็บข้อมูลได้มากมายมหาศาล สามารถเก็บข้อมูลได้มากมายหลายภาษาในโลก อย่างภาษาไทยก็อยู่ใน Unicodeนี้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นรหัสภาษาไทยเอาไปเปิดในภาษาจีน ก็ยังเป็นภาษาไทยอยู่ ไม่ออกมาเป็นภาษาจีน เพราะว่ามี code ตายตัวอยู่ว่า code นี้จองไว้สำหรับภาษาไทย แล้ว code ตรงช่วงนั้นเป็นภาษาจีน ตรงโน่นเป็นภาษาญี่ปุ่น จะไม่ใช้ที่ซ้ำกัน เป็นต้น


ตัวอย่าง Unicode



ที่มา : http://www.mindphp.com



การแทนรหัส ASCII

SUNANTHA  KAEWLUAN

S = 0101  0011
U = 0101  0101
N = 0100  1110
A = 0100  0001
N = 0100  1110
T = 0101  0100
H = 0100  1000
A = 0100  0001
spacebar = 0010 0000
K = 0100  1011
A = 0100  0001
E = 0100  0101
W = 0101  0111
L = 0100  1100
U = 0101  0101
A = 0100  0001
N = 0100  1110

ใช้พื้นที่จัดเก็บ 136 บิต 17 ไบต์



วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แบบทดสอบ เรื่อง การทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์

แบบทดสอบ เรื่อง การทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์ คลิกที่นี่

บิตตรวจสอบParity Bit


บิตตรวจสอบ (Parity Bit)
        
              ถึงแม้เลขฐานสองที่ใช้ในคอมพิวเตอร์มีอัตราความผิดพลาดต่ำ เพราะมีค่าความเป็นไปได้เพียง0 หรือ 1 เท่านั้น แต่ก็อาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ภายในหน่วยความจำ ดังนั้น แต่ก็อาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ภายในหน่วยความจำ ดังนัน้น บิตตรวจสอบ หรือพาริตี้บิตเป็นบิตพิเศษที่ใช้สำหรับตรวจสอบความอม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์
          สำหรับบิตตรวจสอบ จะมีวิธีการตรวจสอบอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ
1. การตรวจสอบบิตภาวะคู่ (Even Parity)
2. การตรวจสอบบิตภาวะคี่ (Odd Parity)
         และระบบเลขบานสิบหก การแปลงเลขฐาน การจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ การจัดเก็บค่าตัวเลขในคอมพิวเตอร์ที่เป็นทั้งค่าจำนวนเต็มไม่รวมเครื่องหมายและค่าจำนวนเต็มรวม รัหส BCD - 8421 รัหสเกิน 3 ( Excess 3 ) กาีรบวกด้วย Two's Complement โอเวอร์โฟลว์ ( Overflow ) การคูณและการหารตามบล็อกไดอะแกรม ฮาร์แวร์ในคอมพิวเตอร์ การเก็บอักขระในคอมพิวเตอร์ เช่น รัหส ASCll ,รัหส EBCDIC, รัหส Unicode และบิต ตรวจสอบซึ่งเนื้อหาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะทำให้ทราบถึงว่าในระบบคอมพิวเตอร์ใช้ระบบเลขฐานใดในการจัดการกับข้อมูล มีหลักการปฎิบัติการกับตัวเลขอย่างไร รวมทั้งเทคนิคการเก็บอักขระในคอมพิวเตอร์และเทคนิคของบิตตรวจสอบ


สรุป...ในบทนี้ได้กล่าวถึงระบบเลขฐานสิบ ระบบเลขฐานที่ใช้คอมพิวเตอร์ เช่น ระบบเลขฐานสอง ระบบเลขฐานแปด